ดอกทองมาจากไหน ทำไมเป็นคำด่า

         
               ดอกทอง เป็นภาษาปาก หมายถึง คำด่าหญิงใจง่ายสำส่อนทางเพศ เป็นคำเก่าแก่ซึ่งใช้มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังที่ปรากฏในบทละครมโนราห์ครั้งกรุงเก่า เมื่อแม่ลูกทะเลาะกันจนมีปากเสียง แม่โมโหด่านางมโนราห์ว่าดอกทอง ทำให้นางมโนราห์สวนแม่กลับไปว่า

                                              “นางแม่ของลูกอา           แม่มาด่าลูกไม่ถูกต้อง 
                                       ทั้งพี่ทั้งน้อง                           เหล่าเราดอกทองเหมือนกัน 

                                      ดอกทองสิ้นทั้งเผ่า                 เหล่าเราดอกทองสิ้นทั้งพันธุ์ 
                                     ดอกทองเสมือนกัน                 ทั้งองค์พระราชมารดา”


               อื้อหือ!พออ่านแล้วนางมโนราห์ก็”แรว้งงงงงง” ใช่หยอกนะครับ ด่ารวมทั้งเผ่าพันธุ์ว่าดอกทองเลยทีเดียว

               แต่ในปัจจุบันคำว่าดอกทองนั้นถูกแปรจากคำด่า ทำให้ดู”มุ้งมิ้ง”ขึ้นด้วยการพูดสั้นๆว่า”ดอก” หรือเพิ่มอรรถรสในการพูดด้วยการเปลี่ยนเสียงเป็น “ดวก” นอกจากนี้ยังใช้เป็นคำสรรพนามเรียกขาน เช่น ต๊าย!ไปไหนมาน่ะอีดอก ใช้เป็นคำสร้อย เช่น เบื่อจังเลยอีดอก ก็มี

               แต่เคยสงสัยไหมครับว่าดอกทอง หรือที่เรามักเรียกกันเพราะๆว่าสุวรรณมาลีนี้ ทั้งๆที่น่าจะดูมงคลสวยงาม แต่ทำไมถึงกลายเป็นคำด่าเจ็บแสบไปได้

               เหตุว่าดอกทองนั้นเป็นคำเก่าแก่ การหาที่มาของคำอย่างชัดเจนจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ทำให้มีข้อสันนิษฐานหลากหลายแตกต่างกันไป ซึ่งจะขอยกมาเล่าเป็นข้อๆให้ฟังนะครับ

                1.เชื่อว่ามาจากภาษาจีนแต้จิ๋วว่า “หลกท่ง”
               ซึ่งคำว่าหลกท่งนี้แปลว่า แดงเหมือนเหล็กเผาไฟ คาดว่าจะเปรียบเทียบกับอวัยวะเพศที่ร้อนแรงจนต้องหาผู้ชาย เป็นด่าที่รุนแรง แต่เมื่อคนไทยนำมาใช้ก็เกิดเพี้ยนเป็นดอกทองนั่นเอง


                2.มาจากลายดอกบนตัวเหี้ย
               เนื่องจากเหี้ยเป็นสัตว์ที่สังคมไทยรังเกียจมาช้านาน จากหน้าตาและพฤติกรรมที่น่ารังเกียจ จึงได้นำชื่อเหี้ยมาด่าผู้ที่มีพฤติกรรมหยาบช้า และนำลายดอกบนตัวเหี้ยมาใช้ด่าผู้หญิงที่ทำตัวไม่ดีนั่นเอง
ลายดอกบนตัวเหี้ย

                3.มาจากการลงโทษหญิงมีชู้ในสมัยอยุธยา
                ในการบันทึกในจดหมายเหตุลาลูแบร์ซึ่งได้เข้ามาในสมัยพระนารายณ์มหาราชนั้น ได้บันทึกเรื่องการลงโทษหญิงมีชู้ในกรุงศรีอยุธยาไว้ว่า

การลงโทษสวมพวงมาลัยชบาหญิงเจ้าชู้
“หญิงใดที่กระทำการมีชู้จะต้องโดนโทษทัณฑ์ด้วยการให้โกนศีรษะหญิงนั้นเป็นตะแลงแกง ทัดดอกชบาสองหู ขึ้นขาหย่างประจาน 3 วัน ในบางกรณีก็จะร้อยดอกชบาเป็นพวงมาลัยสวมคอหญิงชายที่ทำชู้นั้นด้วย ”
ซึ่งดอกชบานี้มีสีแดงแซมเหลืองจึงเรียกว่าดอกทองและใช้เป็นคำด่าหญิงสำส่อนต่อมา

               แล้วทุกๆท่านคิดว่าความจริงแล้วดอกทองน่าจะมีต้นกำเนิดมาจากเรื่องไหนมาแชร์ความคิดเห็นกันได้นะครับ

Comments